ไม่ต้องสงสัยว่า ไฮไลต์ (เกือบ) ทั้งหมด ในเวิลด์คัพ 2022 นัดชิงชนะเลิศ จะถูกสาดส่องไปที่ เมสซี และ เอ็มบัปเป เพราะนอกจากจะสวมบท “เดอะ แบก” ของทีมเหมือนกันแล้ว ทั้งคู่ยังถือเป็น 2 ในนักเตะที่ดีที่สุดของโลกในเวลานี้
เทียบสถิติในบอลโลก 2 ครั้งหลัง (นับตั้งแต่ เอ็มบัปเป เริ่มเล่น) เมสซี ทำ 6 ประตู 5 แอสซิสต์ รวมกัน 11 ประตู เท่ากับ เอ็มบัปเป ที่ทำ 9 ประตู 2 แอสซิสต์
บอลโลกครั้งนี้ เมสซี ทำไป 5 ประตู กับ 3 แอสซิสต์ ใน 12 ประตูของ อาร์เจนตินา ที่ทำได้ ขณะที่ เอ็มบัปเป ซัดไปแล้ว 5 เม็ด และนำเป็นดาวซัลโวร่วมกับ เมสซี อยู่เช่นกัน นี่จึงเป็นเหมือนการตัดสินอะไรหลายๆอย่าง ทั้งแชมป์, ดาวซัลโว และนักเตะยอดเยี่ยม
จึงอาจไม่มีเกมไหนอีกแล้วที่จะเป็น “คู่ชิงในฝัน” มากไปกว่าคู่นี้ ยิ่ง เมสซี ยืนยันแล้วว่า นี่จะเป็นฟุตบอลโลกนัดสุดท้าย หมายความว่า ถ้าแพ้ เขาจะไม่มีโอกาสได้ “แชมป์โลก” อีกแล้ว มันจึงเป็นเกมที่ เมสซี ต้องทุ่มเทสุดชีวิตแน่นอน
เพราะฉะนั้น 4 ทุ่มตรง คืนวันอาทิตย์นี้ ปลีกเวลาสักนิด ยอมนอนน้อยลงสักหน่อย แล้วเปิดทีวีรับชม “ดรีมไฟนอล” คู่นี้พร้อมกัน รับรองว่าคุณจะได้เห็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่เกิดขึ้นแน่นอน
ฟุตบอลโลก 2022 รอบชิงชนะเลิศคำพูดจาก สล็อต888
อาร์เจนตินา – ฝรั่งเศส
วันที่ : อาทิตย์ที่ 18 ธ.ค. 65
เวลา : 22.00 น.
สนาม : ลูเซล ไอคอนิค สเตเดี้ยม
ถ่ายทอดสด : ช่อง 7 เอชดี, ทรู 4 ยู, ทรู สปอร์ตส์ 2
อาร์เจนตินาคำพูดจาก สล็อตทรูวอเลท
“ฟ้าขาว” ประเดิมเกมแรก ด้วยการแพ้ ซาอุดีอาระเบีย 1-2 ก่อนชนะ เม็กซิโก 2-0 และชนะ โปแลนด์ 2-0 ผ่านเข้ารอบ 2 ไปเฉือนชนะ ออสเตรเลีย 2-1 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีม ไปพบ เนเธอร์แลนด์ ซึ่งเสมอในเวลา 90 นาที และ 120 นาที 2-2 ก่อนดวลจุดโทษชนะ 4-3 และรอบตัดเชือก ถล่ม โครเอเชีย 3-0 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 6 และครั้งที่ 2 ในรอบ 3 ครั้งหลังสุด
ลิโอเนล สกาโลนี กุนซือหนุ่ม ไม่มีปัญหาเพิ่มเติมมากนัก รายของ ลิโอเนล เมสซี ซูเปอร์สตาร์ประจำทีม ที่เจ็บเล็กน้อยจากเกมรอบรองชนะเลิศ เตรียมลงเล่นบอลโลกเป็นนัดที่ 26 และนัดสุดท้ายในชีวิต และยังจะได้ มาร์กอส อคุนญา และ กอนซาโล มอนเทล พ้นแบนกลับมา โดย สกาโลนี เตรียมจัดทัพใหญ่ลงลุย โดยมี เอมิเลียโน มาร์ติเนซ เฝ้าเสา
แดนหลังใช้ คริสเตียน โรเมโร กับ นิโกลัส โอตาเมนดี เป็นคู่เซ็นเตอร์ โดยมี มาร์กอส อคุนญา กับ นาฮูเอล โมลินา เป็นแบ๊ก 2 ข้าง แดนกลางจัด เอ็นโซ เฟอร์นานเดซ กับ เลอันโดร ปาเรเดส คุมเกม แล้วใช้ อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ กับ โรดริโก เดอ ปอล ทำเกมรุมเส้น ส่วนคู่กองหน้ายังเป็น เมสซี ที่ยิงไปแล้ว 5 ประตู กับ จูเลียน อัลวาเรซ ที่ซัดไปแล้ว 4 ประตู เหมือนเดิม
ฝรั่งเศส
“ตราไก่” แชมป์เก่า ประเดิมด้วยการถล่ม ออสเตรเลีย 4-1 ก่อนชนะ เดนมาร์ก 2-1 ทำให้เข้ารอบแล้ว เกมสุดท้ายของรอบแรกจึงไม่เน้น และแพ้ ตูนิเซีย 0-1 ส่วนรอบ 2 ชนะ โปแลนด์ 3-1 ผ่านเข้า 8 ทีมไปเฉือน อังกฤษ 2-1 และรอบตัดเชือก เอาชนะม้ามืด โมร็อกโก ไม่ยากเย็น 2-0 ลิ่วเข้ารอบชิงชนะเลิศไปลุ้นแชมป์โลกสมัยที่ 3 และป้องกันแชมป์อีกสมัย ซึ่งถ้าหากทำได้ ฝรั่งเศส จะเป็นทีมที่ 3 ที่ได้แชมป์โลก 2 ครั้งติดต่อกัน ต่อจาก บราซิล ในปี 1958 และ 1962 กับ อิตาลี ในปี 1934 และ 1938
ดิดิเยร์ เดสชองส์ ซึ่งกำลังลุ้นเป็นกุนซือคนที่ 2 ต่อจาก วิตตอริโอ ปอซโซ ของอิตาลี ที่พาทีมคว้าแชมป์โลก 2 สมัยติด น่าจะได้ 2 ตัวหลักอย่าง ดาโยต์ อูปาเมกาโน และ อาเดรียง ราบิโอต์ หายป่วย กลับมาเป็นตัวจริง ทำให้ “ดีดี” เลือกส่งทีมชุดใหญ่ลงสนามได้เต็มที่ โดยมี อูโก โยริส กัปตันทีม เป็นผู้รักษาประตูเหมือนเดิม
แดนหลัง อูปาเมกาโน กลับมายืนเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวจริงคู่กับ ราฟาเอล วาราน แม้ว่า อิบราฮิมา โกนาเต จะเล่นดีในเกมรอบรองฯ ส่วนแบ๊ก 2 ข้างก็ยังเป็น ชุลส์ กุนเด กับ เตโอ แอร์กนองเดซ แดนกลาง ราบิโอต์ กลับมาขับเคลื่อนเกมร่วมกับ ออเลเรียง ชูอาเมนี แล้วใช้ อองตวน กรีซมันน์, คีเลียน เอ็มบัปเป และ อุสมาน เดมเบเล ทำเกมหลัง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ หอกเป้า
ความน่าจะเป็นของเกม
ในบอลโลก เคยเจอกัน 3 ครั้ง อาร์เจนฯ ชนะใน 2 ครั้งแรกคือ 1930 และ 1978 (รอบแรกทั้ง 2 ครั้ง) ก่อน ฝรั่งเศส เฉือน 4-3 ในรอบ 16 ทีม เมื่อ 4 ปีก่อน ที่รัสเซีย ส่วนสถิติรวมในการเจอกัน 12 ครั้งที่ผ่านมา ฟ้าขาว ชนะ 6 ตราไก่ ชนะ 3 และเสมอกัน 3 ครั้ง ดูแล้ว อาร์เจนฯ จึงเหนือกว่านิดๆ
แต่เทียบฟอร์มตอนนี้แล้ว ต้องถือว่าสูสี และออกได้หมดจริงๆ ฟ้าขาว อาจจะมี เมสซี ที่กำลังพีค และมุ่งมั่นเต็มที่ แต่ ฝรั่งเศส ก็มี เอ็มบัปเป ที่ถึง 2 เกมหลังไม่ยิง แต่ก็อันตรายทุกนาที ขณะที่ตัวเสริมอย่าง กรีซมันน์ หรือ ชิรูด์ ก็ช่วยทีมได้เสมอ แถมยังเขี้ยว และประสบการณ์สูง โดยรวมแล้ว ตราไก่จึงเหลื่อมกว่า และน่าจะอาศัยความเก๋าบดชนะไปได้หวุดหวิด ในเกมที่อึดอัดตลอด 90 นาที
ผลที่คาด
ฝรั่งเศส ชนะ อาร์เจนตินา 2-1.